วันก่อน ได้ทราบกันแล้วว่า การสมัครงานผ่านอีเมล์นั้น เข้าถึงเจ้าหน้าที่สรรหาได้เร็วและแรงที่สุด แต่ก็หลุดจากแฟ้มได้ง่ายที่สุดด้วย เพราะถ้ามีคนส่งมาเยอะ คนที่คุณสมบัติตรง (เขียนได้ดี แต่เก่งหรือเปล่ายังไม่ทราบ) จะถูกสั่งพิมพ์เก็บเข้าแฟ้ม นอกนั้นรอกันต่อไป ใบสมัครค้างอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเผลอ ๆ โดนลบก่อน เพราะ Mailbox เต็ม!
ดังนั้น การสมัครงาน…ให้โดน…เรียกไปสัมภาษณ์ จึงควรส่งจดหมายสมัครงานตามไปด้วยนะครับ เพราะเจ้าหน้าที่สรรหาของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (Recruitment, Human Resources Department) ต้องเก็บใบสมัครเข้าแฟ้ม มีเพียงไม่กี่บริษัทที่พิมพ์ทุกอีเมล์เพื่อเก็บ แต่ถ้าเป็นจดหมายสมัครงานจะเก็บเข้าแฟ้มแน่นอน เพราะมันถูกพิมพ์มาแล้ว ไม่ยุ่งยากต้องพิมพ์ พร้อมมีรูปและรายละเอียดที่จำเป็นครบถ้วน
——————-
การสมัครงาน ให้ประวัติถูกเก็บในแฟ้มที่ Active
1) ใช้กระดาษ A4 เท่านั้น เอกสารใดที่เป็น Legal ให้ย่อเป็น A4 ด้วย เพราะส่วนใหญ่เก็บด้วยแฟ้มขนาดA4 ทั้งสิ้น เอกสารสั้นๆ ยาวๆ ถูกพับไปมาเก็บยากและดูไม่เรียบร้อย
2) ส่งโดยใช้ซองใหญ่ กรุณาอย่าพับใส่ซองเล็ก มันเก็บในแฟ้มยากเพราะเป็นคลื่น
3) รูปถ่าย ซึ่งควรเป็นรูปถ่ายหน้าตรงด้วยกระดาษถ่ายรูปครับ ติดด้วยกาว(ห้ามใช้ลวดเย็บการดาษ:Stapple เด็ดขาด มันหลดได้ง่ายที่สุดและหลุดทุกครั้งเมื่อเก็บเข้าแฟ้ม) อย่าใช้รูปที่พิมพ์ด้วย inkjet หรือพิมพ์ใส่บนจดหมายสมัครงาน นอกจากโดนน้ำจะเสียหายแล้ว อย่าเสี่ยงเสียเครดิตในการสมัครงานเลยครับ
[/] รูปถ่ายสำคัญที่สุดในการสมัครงาน…ให้โดน
ควรเลือกรูปที่ดูดีที่สุด ถ้าแต่งรูปได้ควรแต่ง ทำทุกอย่างให้เต็มที่ในรูปที่ส่ง โดยเฉพาะท่านที่คิดว่าตำแหน่งงานที่สมัครไปนั้นมีผู้สมัครร่วมมาก แล้วคุณสมบัติของเราไม่ได้โดดเด่นมากเป็นพิเศษ เพราะเจ้าหน้าที่สรรหา ร้อยทั้งร้อย จะหยิบและอ่านคุณสมบัติของจดหมายสมัครงานที่มีรูปผู้สมัครที่ดูดีอย่างละเอียดเป็นพิเศษ ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะเพื่อการวิจารณ์หรือไม่ก็ตามแต่ มันก็สมควร ใช่ไหมครับเพราะเราส่งจดหมายสมัครงานก็เพราะการนี้!
4) อย่าใช้กระดาษสี! ใช้กระดาษสีขาวเท่านั้น แม้แต่หมึกก็ควรใช้สีดำหรือน้ำเงินเข้มเท่านั้น สีแดง เหลือง เขียว กระดาษมีลาย เป็นห้ามเด็ดขาดเพราะเวลาจะสำเนามักจะทำให้ตัวอักษรไม่ชัด อ่านไม่ออก อีกทั้งเจ้าหน้าที่สรรหารวมถึงผู้สัมภาษณ์มักจะมองว่าท่านมีวุฒิภาวะไม่สูงมากนัก
5) ใช้รูปแบบจดหมายสมัครงานมาตรฐาน อย่าใช้ศิลปะหรือวลีบรรยายโวหารพิเศษใดๆ เด็ดขาด เขียนแต่ข้อเท็จจริงครับ เพราะเจ้าหน้าที่สรรหาทุกคนพร้อมที่จะอ่าน หัวเราะ และ “หยิบแยกออก” ก็แหม! ไม่มีหัวหน้างานหรือผู้สัมภาษณ์คนไหนต้องการ “ลูกน้อง” แบบพิเศษ (A B normal) หรอกครับ
6) ข้อมูลสำคัญให้อยู่หน้าแรก เพราะปัจจุบันทุกบริษัทพิจารณาคุณสมบัติ ของตำแหน่งงานที่บริษัทกำหนดก่อน ส่วนใหญ่แล้วจะพิจารณาเรียงลำดับดังนี้
ผู้สมัครจบใหม่ สถาบันการศึกษา ผลการเรียน-เกรด ที่อยู่(ใกล้-ไกลที่ทำงาน) ทักษะด้านภาษา,คอมพิวเตอร์ กิจกรรมระหว่างเรียน(หัวหน้าชมรม, นักกีฬา)
ผู้สมัครมีประสบการณ์ บริษัทปัจจุบัน/เดิมที่เคยทำ ทักษะการทำงาน/ฝึกอบรม(BSC-KPIs, ISO, Supervisory skill) สถาบันการศึกษา ผลการเรียน
——————-
จะพบว่าปัจจุบัน มีผู้จบการศึกษาทั้งจากสถาบันของรัฐและเอกชนจำนวนมาก มากกว่าตำแหน่งงานที่มีอยู่ในตลาดแรงงานทั้งหมด พิจารณาได้จากมีการผลิตวิศวกรจากสถาบันการศึกษาต่างๆ เป็นหลักพันต่อปี ผู้จบวิชาชีพพยาบาลซึ่งเดิมต้องใช้ทุนการศึกษา(มีงานทำแน่นอน) ปัจจุบันก็ไม่ต้องใช้ทุนแล้ว? เพราะไม่มีอัตราว่างให้รับ(ตกงาน) บริษัทต่างๆ จึงสามารถเลือกรับตามที่ตนต้องการได้ คงเคยได้ยินนะครับว่าบางบริษัทเลือกเฉพาะ Top5 ของแต่ละสายอาชีพนั้นๆ ก่อนที่จะเลือกสถาบันจากราชภัฎ!
ถ้าสังเกตจะพบว่า ทุกบริษัทยังอิงผลการเรียนที่มีคะแนนสูงๆ บางท่านคงค้านว่าทำงานดีไม่ต้องเกรดดี ไม่เถียงครับถ้าท่านได้ทำงานแล้ว เพราะไม่มีบริษัทหรือหัวหน้างานคนไหนจะทราบจากการสัมภาษณ์เพียง 1-2 ชม. ได้ว่าท่านดี ท่านขยัน วิธีพิจารณาประเมินที่แน่ชัดคือดูจากผลในอดีต นักเรียนที่เรียนได้เกรด 2.75 หรือ 3 ขึ้นไป (3 ใน 10 คน) เค้าทำอะไรต่างจากคนอื่นๆ ? คำตอบก็คือ ความตั้งใจ ความขยัน ความมุ่งมั่น ไงล่ะครับ แล้วยังต้องคงเส้นคงวาด้วย เพราะต้องรักษาไว้ให้ได้ตลอดช่วงการเรียน (3-4 ปี) ซึ่งแสดงถึงการวางแผน และเป้าหมาย จึงควรยอมให้คนมีผลการเรียนดีได้โอกาสมากกว่าไปก่อน เพราะทำมามากกว่านั้นเอง
ดังนั้น ผู้จบใหม่ท่านใดผลการเรียนไม่สูงมากนัก ขอให้มีทักษะด้านหนึ่งด้านใดเป็นคุณสมบัติเด่น อะไรก็ได้ครับที่เป็นคุณสมบัติเด่นซึ่งวัดได้และเป็นที่ยอมรับในงานที่เราสมัคร เช่นงานธุรการ ควรใช้คอมพิวเตอร์ได้ดี มีประกาศนียบัติจากสถาบันที่รับรองมาแสดงได้ หรืองานประชาสัมพันธ์ มีผลงานเคยได้รับรางวัลจากการแข่งขันร้องเพลง หรืองานลูกค้าสัมพันธ์ ก็มีใบรับรองการฝึกงาน สามแห่งจากบริษัทธุรการการค้าการบริการมาแสดงเป็นต้น เพราะผู้สัมภาษณ์หรือหัวหน้างานกว่าครึ่งเลือกรับผู้จบใหม่จากทักษะพิเศษในตำแหน่งงานนั้นๆ เป็นปัจจัยประกอบสำคัญ
ถ้าบริษัทที่เลือกสมัครงานไปนั้น เป็นบริษัทที่เราสนใจเป็นพิเศษแล้ว ก็ควรส่งอีเมล์หรือจดหมายสมัครงานเข้าไปซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ได้หากยังไม่ได้รับการติดต่อใน 3 วัน เพราะมันจะช่วยเปิดโอกาสให้กับท่านได้มากขึ้น
สุดท้าย ถ้าสนใจบริษัทใดโดยเฉพาะบริษัทชั้นนำต่างๆ ที่มีชื่อเสียงดี ขอให้ท่านส่งใบสมัครงานไปยังฝ่าย…บุกคนได้เลย เพื่อให้เจ้าหน้าที่สรรหา…เก็บข้อมูลของท่านอยู่ในส่วนต้นๆ ของแฟ้มผู้สมัครงาน บริษัทที่ไม่ได้ลงประกาศรับสมัครงาน ก็เนื่องจากยังมีข้อมูลผู้สมัครงานเก็บเป็นข้อมูลอยู่เป็นจำนวนมากพอให้ทำการคัดเลือกได้ ถ้าท่านต้องการสมัครงาน…ให้โดนเรียกไปสัมภาษณ์ จึงควรส่งจดหมายสมัครงานไปยังทุกบริษัทที่ท่านสนใจ อย่าลืมนะครับสมัคร 5 ที่มีโอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์ 1 ที่เท่านั้น
ถ้ามีเวลามากพอ จะแนะนำวิธีหนีงานแล้วเจ้านายไม่โทรตาม ในลำดับถัดๆ ไป