ในช่วงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ละบริษัทก็เริ่มปรับตัว ด้วยการควบคุมและลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างเงินเดือน ซึ่งปรับลดไม่ได้ง่าย ๆ ทำให้บริษัทต่าง ๆ ออกมาตรการที่เรียกกันว่า โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด ( Early Retirement Programs ) เนื่องจากพนักงานที่มีอายุมาก หรืออยู่ทำงานด้วยกันมานาน เงินเดือนก็มักจะสูงตามไปด้วย หากได้บริหารจัดการให้เกษียณก่อนกำหนด ย่อมทำให้บริษัทตัดลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก และในช่วงถัดไปเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว ก็ค่อยรับพนักงานใหม่ในตำแหน่งงานเดิม บริษัทยังสามารถจ้างในอัตราเงินเดือนน้อยกว่าด้วย การเกษียณกับค่าชดเชย จึงเป็นเรื่องที่พนักงานต้องศึกษาและวางแผนการทำงานไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
พนักงานกลุ่มแรก ที่ทุกบริษัทพิจารณาว่าเหมาะสม ควรคัดเลือกเข้าร่วมโครงการเกษียณก่อนกำหนด จึงเป็นผู้ที่มีอายุตัวใกล้เกษียณใน 3-5 ปี นั้นเอง
สำหรับลูกจ้าง ผู้ที่ได้รับเกียรติให้เกษียณก่อนกำหนด มักมีคำถามว่า
1. ตนเองจะได้รับค่าชดเชยด้วยหรือไม่?
2. ได้เงินค่าชดเชยแล้ว จะได้เงินเกษียณอายุด้วยหรือไม่?
คำตอบข้อแรก ตอบง่ายๆ ก็คือ…
ผู้ที่ถูกเกษียณ ต้องได้ค่าชดเชยทุกท่านครับ
กฎหมายแรงงานได้กำหนดให้การเกษียณอายุ ที่บริษัทได้กำหนดอายุเกษียณไว้ในระเบียบข้อบังคับ ถือเป็นการเลิกจ้าง เมื่อบริษัทให้ลูกจ้างเกษียณอายุก็ถือว่าบริษัทเลิกจ้างลูกจ้าง จึงต้องจ่ายค่าชดเชย
มันจึงเป็นที่มาว่า ทุกบริษัทที่จัดโครงการเกษียณก่อนกำหนด กำหนดเงินช่วยเหลือตามอายุงานให้ตรงกับค่าชดเชยไงครับ (คลิ๊กดูอัตราค่าชดเชย) และมักจะบวกเพิ่มอีก 1 หรือ 2 เดือนเพื่อจูงใจให้พนักงานสมัครใจเกษียณก่อนกำหนด
คำตอบข้อสอง ตอบยากและอาจไม่ถูกใจลูกจ้างเพราะ…
เงินเกษียณ ซึ่งลูกจ้างหมายถึงเงินบำเหน็จหรือบำนาญ อันเป็นเงินพิเศษ ที่ควรได้เพราะอุตสาห์อยู่ทำงานจนเกษียณ อาจไม่ได้รับเพิ่ม ก็เมื่อบริษัทจ่ายค่าชดเชยตามข้อแรกไปแล้ว บริษัทจึงถือว่ามันเป็นเงินเกษียณแล้วไงครับ
ยกเว้นแต่ว่า บริษัท มีระเบียบข้อบังคับที่ได้กำหนดเพิ่มพิเศษไว้ หรือพูดง่าย ๆ ว่าบริษัทมีสวัสดิการเพิ่มมากกว่าที่กฎหมายกำหนดครับ เช่น ถ้าบริษัทมีระเบียบว่า
“พนักงานเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี และมีวิธีคำนวณเงินบำเหน็จตามประกาศที่บริษัทกำหนด พร้อมข้อความสุดท้ายว่า ถ้าเงินบำเหน็จน้อยกว่าเงินค่าชดเชย บริษัทจะจ่ายเงินบำเหน็จให้เท่ากับเงินค่าชดเชย แต่ถ้าเงินบำเหน็จสูงกว่าให้จ่ายเงินบำเหน็จที่คำนวณได้นั้น” ในกรณีนี้ถือว่าบริษัท(นายจ้าง) ได้จ่ายค่าชดเชยแล้วครับ แม้จะเรียกว่าเงินบำเหน็จก็ตาม [คำพิพากษาฎีกา 2526-2527/2524] และการเกษียณถือเป็นการเลิกจ้าง [คำพิพากษาฎีกาที่ 577/2536]
ท่านจะได้เบิ้ล คือได้เงินค่าชดเชยและได้ทั้งเงินเกษียณ ก็ต่อเมื่อเงินเกษียณที่บริษัทกำหนดไว้ในระเบียบนั้น มีวัตถุประสงค์ไม่ตรงกับค่าชดเชยครับ ตัวอย่างเช่น ในระเบียบเขียนว่า
“พนักงานที่มีอายุงานกับบริษัทตั้งแต่ 5 ปี หากตาย ลาออกหรือถูกเลิกจ้าง มีสิทธิ์ได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับเงินเดือนสุดท้ายคูณด้วยปีอายุงาน”
ในกรณีนี้ วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ แม้จะลาออกเองก็จ่ายให้ และมีหลักเกณฑ์ไม่เหมือนกับการคำนวณจ่ายค่าชดเชยเสียแล้ว ท่านก็ต้องได้ค่าชดเชยพร้อมทั้งได้เงินบำเหน็จในเงื่อนไขนี้แยกต่างหาก [คำพิพากษาฎีกา 2635/2524]
บริษัทที่มีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและท่านสมัครเป็นสมาชิก ถ้าท่านถูกเกษียณก่อนกำหนด ก็ได้รับเงินบำเหน็จจากกองทุนฯ และบริษัทต้องจ่ายค่าชดเชยแยกต่างหากให้กับท่านอีกก้อนหนึ่งเช่นกัน
กฎหมายแรงงาน (Labor law) คุ้มครองลูกจ้างครับ